ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ , ฝากร้านฟรีโพสฟรี

หมวดหมู่ทั่วไป => โปรโมทสินค้าฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 8 ธันวาคม 2025, 17:22:57 น.

หัวข้อ: อาหารสายยาง มีกี่ประเภท จะเลือกใช้อย่างไร ?
เริ่มหัวข้อโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 8 ธันวาคม 2025, 17:22:57 น.
อาหารสายยาง มีกี่ประเภท จะเลือกใช้อย่างไร ? (https://dseelin.co.th/)

อาหารทางสายยาง (Enteral Formulas) สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับ การทำงานของระบบทางเดินอาหาร และ โรคประจำตัวของผู้ป่วย เป็นสำคัญค่ะ

นี่คือรายละเอียดของประเภทอาหารและการเลือกใช้:

🍽️ อาหารทางสายยางแบ่งได้ 3 ประเภทหลัก

ประเภทอาหาร                                                        ลักษณะเด่นของสารอาหาร                                           เหมาะสำหรับ (การเลือกใช้)

1. สูตรมาตรฐาน (Polymeric Formulas)   สารอาหารครบถ้วนในรูปแบบโมเลกุลใหญ่ (โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน ที่อยู่ในรูปปกติ) อาหารส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกับอาหารปั่นที่ละเอียดแล้ว   ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ: เหมาะสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่แค่ไม่สามารถทานอาหารทางปากได้ แต่ระบบย่อยอาหารยังสามารถย่อยและดูดซึมอาหารได้ตามปกติ

2. สูตรโมเลกุลเล็ก (Elemental / Semi-Elemental Formulas)   สารอาหารถูกย่อยไว้ล่วงหน้า โปรตีนอยู่ในรูปของเปปไทด์หรือกรดอะมิโน (โมเลกุลเล็กมาก) ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้โดยไม่ต้องใช้เอนไซม์ช่วยย่อยมาก   มีปัญหาการย่อยและดูดซึม: เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้ล้มเหลว, มีความผิดปกติของตับอ่อน, หรือมีปัญหาการดูดซึมในลำไส้เล็กที่รุนแรง

3. สูตรจำเพาะโรค (Disease-Specific Formulas)   ปรับสัดส่วนสารอาหารหลัก เช่น โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต เพื่อให้เหมาะสมกับการควบคุมโรคบางชนิด   ผู้ป่วยเฉพาะโรค: เช่น: โรคไต (ควบคุมโปรตีน/เกลือแร่) โรคเบาหวาน (ควบคุมคาร์โบไฮเดรต) ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ หรือ แผลกดทับรุนแรง (สูตรที่มีโปรตีนและสารเสริมภูมิต้านทานสูง)


❓ แนวทางการเลือกใช้สูตรอาหาร

การตัดสินใจเลือกสูตรอาหารเป็นหน้าที่ของ นักโภชนาการ หรือ แพทย์ ที่จะพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:

การทำงานของลำไส้: หากระบบย่อยอาหารทำงานดี จะเริ่มจาก สูตรมาตรฐาน (Polymeric) ก่อน

ความต้องการสารอาหาร: ขึ้นอยู่กับอายุ, น้ำหนัก, ความสูง, และความรุนแรงของโรค (ต้องการแคลอรี่หรือโปรตีนสูงแค่ไหน)

โรคประจำตัว: หากมีโรคเฉพาะ เช่น โรคไตหรือเบาหวาน ต้องเลือก สูตรจำเพาะโรค เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลหรือการทำงานของไต

ความทนทานต่ออาหาร: หากผู้ป่วยมีอาการท้องเสีย หรือท้องอืดจากสูตรมาตรฐาน อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ สูตรโมเลกุลเล็ก ที่ย่อยง่ายกว่า

ข้อแนะนำสำคัญ: ห้ามเปลี่ยนสูตรอาหารเอง เพราะสูตรอาหารแต่ละชนิดมีปริมาณแคลอรี่และองค์ประกอบต่างกัน การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ค่ะ